บทความนี้ถูกแปลจากบทความเรื่อง “Mattheus van der Steen is een bedrieger” โดย ศจ. ดร. Marten Visser และได้รับอนุญาตโดยเจ้าของบทความเพื่อเผยแพร่ ณ ที่นี้

ผมประหลาดใจเมื่อได้เห็นชื่อเสียงอันโด่งดังมากขึ้นเรื่อยๆ ของนักประกาศเทียมเท็จชาวดัตช์ท่านหนึ่ง ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนที่เชื่อเขาอย่างจริงจัง เขาผู้นี้ประกาศการฟื้นฟูที่ไม่มีวันเกิดขึ้นจริง, เช่าสนามกีฬาเพื่อการประกาศซึ่งเขาไม่ได้จ่ายค่าเช่า, ยกย่องกิจกรรม “การฟื้นฟูอันบริสุทธิ์” ที่จัดโดยจอมลวงโลกและผิดศีลธรรมทางเพศอย่าง Todd Bentley, และจัดการประชุมกับผู้สอนเทียมเท็จกลุ่มหนึ่ง (Che Ann, Bill Johnson, Georgian Banov) ที่พยากรณ์เรื่องใหญ่ต่างๆ นานาเกี่ยวกับ Todd ไม่นานก่อนที่ Todd จะล้มลงในความบาป เหตุผลเหล่านี้น่าจะเพียงพอที่เราไม่ควรจะเชื่อเขาผู้นี้อย่างจริงจัง เพื่อที่การประกาศที่เน้นการเยียวยาสุขภาพและความมั่งคั่ง รวมถึงการบิดเบือนพระกิตติคุณในลักษณะอื่นๆ จะบั่นทอนชื่อเสียงของตัวเขาเอง

เป็นที่น่าเสียดายว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกลับตรงกันข้ามกับที่กล่าวมา ผู้คนจำนวนมากชอบที่จะถูกหลอก ซึ่งทำให้ Mattheus van der Steen เป็นบุคคลอันตราย ไม่ใช่อันตรายแบบ ’เขาตั้งใจดีแต่ผิดพลาดบ้าง’ แต่เขาเป็นจอมลวงโลกอย่างตั้งใจ ไม่ต่างจาก Todd Bentley คนที่เขาลอกเลียนแบบมาอย่างสัตย์ซื่อ โดยทั่วไปเราเชื่อกันว่าคริสเตียนเป็นคนซื่อสัตย์ อย่างไรก็ตาม มีบางสิ่งที่บ่งชี้อย่างชัดเจนว่า Mattheus จงใจโกหกหลอกลวงผู้อื่น

ประการแรก: ลัทธิบูชามารซาตาน

Rebekah ภรรยาของเขาเคยให้สัมภาษณ์กับนิตยสารดัตช์ฉบับหนึ่ง โดยกล่าวถึงภูมิหลังของเธอเกี่ยวกับการเข้าลัทธิบูชามารซาตาน ซึ่งกลุ่มดังกล่าวมีการบูชายัญโดยใช้เด็กทารกและฆ่าเด็กทารกทั้งเป็น เรื่องนี้นับว่าไร้สาระอย่างที่สุด ที่ผ่านมามีเรื่องราวในลักษณะนี้หลายร้อยเรื่อง ทุกเรื่องล้วนมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันก็คือ เรื่องเหล่านี้ไม่เคยได้รับการพิสูจน์ว่าเกิดขึ้นจริง อย่างไรก็ตาม เรื่องที่ Rebekah เล่านั้นต่างจากเรื่องอื่นๆ ตรงที่ว่า ในขณะที่เรื่องราวประเภทนี้มักจะถูกเล่าบนพื้นฐานของ “ความทรงจำที่ถูกเก็บกด” (Repressed memories) ซึ่งผู้เล่าเรื่องจะยอมเล่าประสบการณ์อันเลวร้ายของตนเองในอดีตก็ต่อเมื่อถูกกระตุ้นโดยนักจิตบำบัด แต่ตอนนี้นักจิตบำบัดทุกคนยอมรับว่าวิธีนี้ไม่ถูกต้องและเรื่องอันเลวร้ายเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นจริง

แต่ในกรณีของ Rebekah เธอเล่าเรื่องราวต่างๆ เหล่านี้ออกมาเองได้เมื่อเธออยู่ในวัยผู้ใหญ่ ย่อมเท่ากับว่าเรื่องราวของเธอเป็นการโกหกหน้าตาย และ Mattheus ก็เห็นด้วยกับการลวงโลกดังกล่าว

ประการที่สอง: ฝุ่นทองคำ

Mattheus เขียนจดหมายถึงเพื่อนๆ ของเขาว่ามีฝุ่นทองคำปรากฏอยู่บนร่างกายและพระคัมภีร์ของเขาหลายครั้ง นี่เป็นหนึ่งในเพียงไม่กี่เรื่องในเชิงอัศจรรย์ปาฏิหาริย์ที่ Mattheus ยังไม่เคยเข้าร่วม จึงไม่น่าประหลาดใจที่จะได้ยินเรื่องนี้จากปากของเขา เป็นไปได้หรือไม่ที่พระเจ้าจะทรงทำให้ฝุ่นทองคำเกิดขึ้น? แน่นอนว่าพระองค์ทรงทำได้ แต่พวกคุณคิดว่าหากพระองค์ทรงทำเช่นนั้นจริง จะทำเพื่อเหตุผลใด? เพื่อแสดงว่าพระองค์ทรงยอมรับพระกิตติคุณเทียมเท็จของ Mattheus โดยการโปรยฝุ่นทองคำบนร่างกายเขาหรือ? หรือเป็น Mattheus เองที่ไปซื้อเกล็ดระยิบระยับสีทองราคา 69 เซ็นต์จากร้านสะดวกซื้อใกล้บ้าน? สำหรับคนที่ไม่แนใจจะตอบอย่างไรเรื่องฝุ่นทองคำนี้เคยมีการโฆษณาชวนเชื่อเมื่อหกสิบกว่าปีที่แล้วโดยผู้สอนเทียมเท็จที่ชื่อ Franklin Hall และถูกรื้อฟื้นขึ้นมาใหม่ในทศวรรษที่ผ่านมาโดยสตรีชาวบราซิลรายหนึ่ง ซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเธอใช้เกล็ดระยิบระยับที่ทำจากพลาสติก  Mattheus เป็นอีกหนึ่งคนที่จะถูกจารึกชื่อไว้ในประวัติศาสตร์อันน่าละอายนี้

ไม่กี่เดือนที่ผ่านมา มีบางคนได้นำฝุ่นทองคำที่ปรากฏในการประชุมที่ Mattheus ได้จัดขึ้นออกมาเผยแพร่ ฝุ่นทองคำดังกล่าวถูกตรวจสอบและพบว่ามีทองแดงเจือปน แต่ไม่ใช่ทองคำ เกล็ดระยิบระยับทั้งหมดเป็นไปในรูปแบบเดียวกันคือ เป็นรูปหกเหลี่ยม ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเป็นเกล็ดระยิบระยับตัดมาจากแผ่นฟอยล์ที่พบได้ตามร้านค้าทั่วไป ดังนั้นฝุ่นทองคำของ Mattheus นั้นจึงไม่ใช่ทองคำแต่เป็นแค่เกล็ดระยิบระยับ นับเป็นวิธีการหลอกลวงผู้คนที่น่าสมเพชที่สุด ช่างเป็นเรื่องเชื่อจริงๆ ว่า Mattheus ยังคงลอยหน้าลอยตาอยู่ได้เสมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และเหลือเชื่อมากยิ่งกว่าที่ยังคงมีผู้คนที่ติดตามเขาอยู่

บทส่งท้าย

สุดท้ายนี้ คำถามของผมต่อผู้อ่านทั้งหลายที่ยังให้ความเคารพ Mattheus ในฐานะผู้นำคริสเตียนก็คือ หากท่านรักในความเท็จมากกว่าความจริง นั่นหมายความว่าท่านเป็นคนอย่างไร? หากท่านรักในกลอุบายของนักมายากลมากกว่าพระเยซูคริสต์ นั่นหมายความว่าท่านเป็นคนอย่างไร?

รูปภาพโดย Freepik

Mattheus van der Steen เป็นจอมลวงโลก